Super FUP ของแต่ละค่าย

FUP หรือ Fairly Usage Policy เกิดขึ้นสมัยตอน iPhone 4 เปิดตัว เนื่องจากการใช้งาน 3G เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในสมัยนั้น ค่าย True ที่ขาย iPhone 3GS และมี 3G ให้ลูกค้าใช้ในเขตกรุงเทพ ยังไม่มีการกำหนด FUP แต่พอมีการใช้งาน 3G เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการเปิดตัว iPhone 4 แต่ละค่ายจึงกำหนด FUP ขึ้น โดยสมัยนั้นได้กำหนด FUP ไว้ที่ 384 Kbps

หลังจากผ่านไปหลายปีก็มีหลายค่ายออกโปรโมชั่นมาใหม่ๆ มีคนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นทั้ง Andriod และ iPhone ทำให้มีการใช้ Data มากขึ้น การกำหนด FUP ของแต่ละค่ายก็ลดลงมาเหลือที่ 256 Kbps, 128 Kbps และ 64 Kbps ตามแต่ละโปรโมชั่น

และล่าสุดมีการกำหนด FUP ขึ้นมาอีกชั้นนึง สำหรับผู้ที่ใช้ Data เยอะเป็นพิเศษ โดยเราเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า Super FUP โดย Super FUP จะถูกใช้ต่อเมื่อใช้ Data เกินจากโปรโมชั่นหลักไปมาก เช่น เมื่อคุณมีโปรโมชั่นใช้ Data ได้ 5GB คุณใช้ Data ครบไปแล้ว 5GB ความเร็วจะลดเหลือ 256 Kbps จากนั้นคุณก็ใช้ความเร็วนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ หากคุณยังใช้ Data อยู่เป็นจำนวนมากก็จะโดน Super FUP ไป โดยแต่ละค่ายมี Super FUP ตามด้านล่าง

เมื่อโดน Super FUP แล้ว ก็เรียกได้ว่า การใช้งาน Internet จะใช้งานได้ “ไม่ปกติ” เช่น ไม่สามารถเปิดเว็บได้ แน่นอนดู YouTube ไม่ได้ แต่อาจจะส่งอีเมลล์สั้นๆ ได้ หรือส่งข้อความ Line ได้ เรียกได้ว่าเมื่อโดน Super FUP แล้วจะได้รับประสบการณ์การใช้งาน Internet ในช่วงก่อนปี 2000 ในยุค 56K Modem เลยทีเดียว